ครูจัน...ภูมิปัญญาไทย: ภูมิปัญญาไทย

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ภูมิปัญญาไทย

ภูมิปัญญา

/ เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นและดำรงอยู่กับสังคมมนุษย์มานาน เป็นการดำรงชีวิตอยู่ในชีวิตที่เกี่ยวพันธ์กับธรรมชาติของแต่ละท้องถิ่น โดยมีการปรับสภาพการดำเนินชีวิตให้เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมธรรมชาติตามกาลเวลา เพราะมนุษย์มีความสามารถในการคิดค้น เรียนรู้แก้ปัญหา และมีการสืบทอดแบบแผนความรู้ เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบต่อกันมา แม้ว่าภูมิปัญญาเป็นสิ่งที่ถูกสั่งสมและถ่ายทอดเป็นมรดกมานาน แต่จะมีลักษณะที่สำคัญคือเป็นองค์ความรู้ที่มีการเชื่อมโยงกันไปหมดไม่ว่าจะเป็นเรื่องของอาชีพ เศรษฐกิจ ความเป็นอยู่ การใช้จ่าย การศึกษา วัฒนธรรม

เอกสารอ้างอิง

จันทรา เรือนทองดี.(2547).เพลงแหล่ในเทศน์มหาชาติจังหวัดเพชรบุรี.วิทยานิพนธ์ปริญญาศิลปศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม.

มหาบุญเลิศ ปุญญวโร.สัมภาษณ์ ๑๕ ตุลาคม ๒๕๔๖

นายเจือ พันธ์น้อย สัมภาษณ์ ๖ กันยายน ๒๕๔๕.

นายแจ่ม เขตน้อย. อายุ ๘๗ ปี (วิทยากรท้องถิ่น)

นางอุ่ม ชุ่มสด. อายุ ๗๕ ปี (วิทยากรท้องถิ่น)

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ

1. ท่านสามารถประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศในองค์กรของท่านได้อย่างไร บอกกรอบความคิด ขั้นตอน ผลกระทบให้เห็นกระบวนการคิดของท่านทั้งระบบ

ข้าพเจ้าสามารถประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศในองค์กรของข้าพเจ้า โดยมีกรอบความคิด ขั้นตอน ผลกระทบในกระบวนการคิดของข้าพเจ้าทั้งระบบ ดังนี้
หน่วยงานที่ข้าพเจ้าปฏิบัติงาน ได้แก่ โรงเรียนหนองตากยาตั้งวิริยะราษฎร์บำรุง เป็นสถานศึกษาระดับมัธยมศึกษาสังกัด สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) อยู่ในสำนักงานเขตพื้นที่กาญจนบุรี เขต 1 ข้าพเจ้าได้ประยุกต์ใช้ระบบสารสนเทศในสถานศึกษาซึ่งเป็นองค์กรของข้าพเจ้า โดยการนำโปรแกรมคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดการข้อมูลของโรงเรียน ซึ่งเป็นข้อมูลตามโครงสร้างของสถานศึกษาที่มีฐานะเป็นนิติบุคคล ตามระบบการบริหารงานโดยใช้โรงเรียนเป็นฐาน ซึ่งแบ่งระบบการบริหารออกเป็น 4 ฝ่าย ได้แก่ ฝ่ายบริหารงานวิชาการ ฝ่ายบริหารงานบุคคล ฝ่ายบริหารงานงบประมาณ และฝ่ายบริหารทั่วไป ซึ่งสามารถประยุกต์ระบบสารสนเทศในแต่ละส่วนงานโดยมีกรอบ แนวคิด ขั้นตอนและผลกระทบ ดังนี้
1. ฝ่ายบริหารงานด้านวิชาการ
การวัดผลและประเมินผลการเรียน ได้นำโปรแกรมฐานข้อมูล Student มาใช้ในการบริหารจัดการ ตั้งแต่เก็บข้อมูลพื้นฐานของนักเรียนเป็นรายบุคคล การลงทะเบียนเรียนแต่ละภาคเรียน บันทึกผลการเรียนแต่ละภาคเรียนจนจบหลักสูตร โปรแกรมมีความสามารถในการประมวลผลการเรียนเฉลี่ยสะสม (GPA) ค่าเปอร์เซ็นต์ไทล์ (PR) การประเมินคุณลักษณะของผู้เรียน การประเมินการอ่านคิดวิเคราะห์ การคำนวณหน่วยการเรียน การตัดสินการจบหลักสูตรตามเกณฑ์ที่โรงเรียนกำหนด นอกจากนี้ยังสามารถจัดทำหลักฐานทางการเรียน ได้แก่ สมุดทะเบียนนักเรียน เอกสารการประเมินผลตามหลักสูตรการศึกษาขั้นพื้นฐาน (ปพ. 1-9) ซึ่งช่วยลดภาระและเพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าวัดผลและครูผู้สอนอย่างมาก สามารถออกหลักฐานทางการเรียนได้อย่างรวดเร็ว และตรวจสอบข้อมูลเกี่ยวกับผลการเรียนได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
โรงเรียนจัดระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ภายในโรงเรียน (อินทราเน็ต) มี Server ซึ่งใช้ระบบปฏิบัติการลินุกส์ในการจัดการและควบคุมเครือข่าย ใช้โปรแกรม Moodle และโปรแกรมอื่น ๆ ให้ครูสามารถสร้าง E-Learning และอับโหลดบน Server เพื่อใช้ในกิจกรรมการเรียนการสอน การศึกษาด้วยตนเองของนักเรียน ระบบเครือข่ายภายในยังช่วยลดงบประมาณในการจัดซื้อเครื่องปรินซ์เตอร์ และอุปกรณ์ต่อพ่วงอื่น ๆ สามารถแบ่งปันการใช้ทรัพยากร และแลกเปลี่ยนข้อมูลภายในเครือข่ายได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว นอกจากนี้ยังเชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก (อินเทอร์เน็ต) โดยใช้ Server ในการแบ่งปันการใช้อินเทอร์เน็ตของเครื่องลูกข่ายได้อย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพ ช่วยให้ครูและนักเรียนสามารถศึกษาค้นคว้าจากอินเทอร์เน็ต ครูนำมาใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอนได้
ในการวางแผนงานและการนิเทศงานวิชาการ ได้นำคอมพิวเตอร์มาใช้ในการจัดเก็บรวบรวมข้อมูลต่าง ๆ เช่น
- ข้อมูลของครูในด้านต่าง ๆ ได้แก่ รายวิชาที่สอน จำนวนคาบสอน ความรู้ความสามารถ ผลงานทางวิชาการ สื่อ นวัตกรรมที่ครูสร้าง เป็นต้น
- สื่อการเรียนการสอน วิทยากรท้องถิ่น แหล่งศึกษาค้นคว้าภายนอกโรงเรียน
- ข้อมูลวัสดุ ครุภัณฑ์ เพื่อใช้ในการจัดกิจกรรมการเรียนการสอน
การประมวลผลข้อมูลเบื้องต้นนี้อาจไม่ใช่สารสนเทศโดยตรง แต่อาจนำข้อมูลเหล่านี้นำเสนอผู้บริหาร โดยการจัดทำเป็นสารสนเทศ โดยประมวลผลให้ผู้บริหารทราบ โดยอาจจะนำข้อมูลเบื้องต้นเหล่านี้เข้ามาเพื่อทำการประมวลผล เพื่อนำไปใช้งานในภายหลัง
2. ฝ่ายบริหารทั่วไป
2.1 การใช้ระบบสารสนเทศในการรวบรวมข้อมูล ประวัติข้าราชการครูและนักการภารโรง ซึ่งเป็นการรวบรวมข้อมูลเพื่อสะดวกในการรายงานข้อมูลตามที่ส่วนราชการที่เกี่ยวข้องได้ตรวจสอบหรือขอให้กรอกข้อมูลส่งกลับไปยังหน่วยงานต่างๆ เช่น สำนักงานเขตพื้นที่ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานสาธารณสุขตำบล เป็นต้น ดังนั้นผู้รับผิดชอบในงานด้านสารสนเทศของโรงเรียนจะต้องกรอกข้อมูลให้มีความถูกต้อง มีรายละเอียดที่เป็นข้อมูลปัจจุบันอยู่เสมอ ทั้งนี้เพื่อให้งานบริการด้านข้อมูลด้านนี้เป็นไปอย่างถูกต้องเชื่อถือได้ และเป็นประโยชน์ต่อทางราชการให้มากที่สุด ซึ่งรายละเอียดของข้อมูล อาทิ วันเข้ารับราชการ วันเกษียณอายุราชการ ประวัติการเลื่อนขั้นเงินเดือน การลา การกระทำความผิด การถูกลงโทษทางวินัย ประวัติการพัฒนาบุคลากรโดยการประชุม อบรม สัมมนา เป็นต้น
2.2 การใช้คอมพิวเตอร์ในงานสารบรรณ ซึ่งเป็นงานเอกสาร ประเภท การรับส่งหนังสือราชการ ซึ่งเป็นงานสำคัญที่ต้องมีการติดต่อสื่อสารกันระหว่างหน่วยงานซึ่งปัจจุบันใช้การรับส่งจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ E – office ในการรับทราบข้อมูลหนังสือราชการ และส่งข้อมูลผ่านทาง E-mail ทำให้การติดต่อสื่อสารสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น ถือเป็นการประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณในการเดินทางอีกด้วย
2.3 การใช้เทคโนโลยีในงานด้านการปกครองนักเรียน งานดูแลนักเรียน งานอนามัยโรงเรียน งานสหกรณ์โรงเรียน งานแนะแนวการศึกษา ล้วนแต่เป็นงานที่ต้องมีการรวบรวมข้อมูลพื้นฐานของตัวผู้เรียนแทบทั้งสิ้น โดยทุกงานที่ต้องมีการจัดเก็บข้อมูล หรือวิเคราะห์ข้อมูลเกี่ยวกับตัวผู้เรียนจะมีโปรแกรมที่ใช้ในการจัดการข้อมูลซึ่งแตกต่างกันไป โรงเรียนได้มีการใช้ใช้ระบบสารสนเทศในแต่ละงานและมีการเชื่อมโยงข้อมูลในระบบแลนด์ ทำให้สามารถติดต่อสื่อสารเพื่อให้ได้ข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปอ้างอิงได้รวดเร็ว และแม่นยำยิ่งขึ้น
3. ฝ่ายบริหารงานบุคคล สามารถนำคอมพิวเตอร์มาดูแลงานด้านการบริหารวัสดุ ครุภัณฑ์ของโรงเรียน ซึ่งเป็นทรัพยากรทางการศึกษาที่สำคัญซึ่งเจ้าหน้าที่พัสดุจะต้องดำเนินการจัดซื้อจัดจ้าง ดำเนินการติดต่อประสานงานบริษัทห้างร้านในการประมูลวัสดุครุภัณฑ์ ที่โรงเรียนจะต้องจัดซื้อ และใช้ระบบการรวบรวม การสั่งซื้อและการตรวจสอบ รวมทั้งการจัดจำหน่ายออกจากระบบ คอมพิวเตอร์จึงเป็นเทคโนโลยีที่สำคัญเป็นอย่างยิ่ง ในฝ่ายบริหารบุคคลนั้น จะมีงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลที่จะต้องรายงาน ได้แก่ การวางแผนอัตรากำลังคนสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ซึ่งต้องมีการสำรวจ และมีการวิเคราะห์ข้อมูลให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐานอัตรากำลังคนสำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของก.ค.ศ. ต้องมีการประมวลผลโดยต้องมีข้อมูลที่เป็นสารสนเทศของโรงเรียน เพื่อให้ทราบอัตราการขาดเกินของบุคลากร จึงต้องใช้คอมพิวเตอร์ในการรวบรวมและประมวลผลข้อมูล นอกจากนี้ยังใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดทำฎีกาเงินเดือน การจัดทำแบบบันทึกการปฏิงานของข้าราชการ แบบประเมินการพิจารณาการเลื่อนขั้นเงินเดือน รวมทั้งระเบียบปฏิบัติอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ทำให้การปฏิบัติงานเป็นปัจจุบัน และมีฐานข้อมูลที่ถูกต้อง เชื่อถือได้
4. ฝ่ายแผนงานงบประมาณ สามารถนำคอมพิวเตอร์มาประมวลผลด้านการดำเนินการตามแผนงานและงบประมาณ ทั้งแผนงบประมาณประจำปี การจัดทำโครงการ การติดตามประเมินผล การสรุปผลและรายงานผลโครงการที่จัดทำตามแผนงานที่วางไว้ ใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดทำต้นทุนทางการศึกษา การรายงานข้อมูลด้านงบประมาณต่างๆ ของสถานศึกษา และมีการใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์ในการสรุปผลการใช้จ่ายงบประมาณประจำปี และการสรุปผลเพื่อจัดทำรายงานเผยแพร่ต่อชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
ขั้นตอนในการประยุกต์ใช้คอมพิวเตอร์
1. มีการสำรวจความต้องการและความจำเป็นในการใช้คอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีในงานของฝ่ายต่างๆ เพื่อพิจารณาจัดหางบประมาณเพื่อสนับสนุนการใช้งานให้มีมากยิ่งขึ้น
2. ให้แต่ละฝ่ายงานมีการเขียนโครงการตามแนวทางการส่งเสริม การใช้เทคโนโลยีเพื่อการศึกษาและพัฒนางาน
3. จัดให้มีการประชุมเพื่อจัดสรรงบประมาณตามโครงการที่กำหนด และบรรจุลงในแผนงบประมาณประจำปี มีการชี้แจงความจำเป็นที่จะต้องใช้เทคโนโลยีในการพัฒนางานในแต่ละด้าน
4. จัดให้มีการอบรมการใช้คอมพิวเตอร์ในการจัดการเรียนการสอน และการใช้คอมพิวเตอร์สำหรับงานที่เกี่ยวข้องทั้งระบบโดยจัดหาวิทยากรมาอบรมในแต่ละงาน ตามความจำเป็นเร่งด่วน เพื่อให้เกิดความเข้าใจ และมีทักษะทำให้สามารถปฏิบัติงานได้ดี
5. จัดหาคอมพิวเตอร์ให้เพียงพอและให้มีโอกาสได้ใช้งานอย่างต่อเนื่องและเป็นปัจจุบัน และมีการจัดอบรมเพิ่มเติมความรู้ใหม่ๆ เพื่อให้บุคลากรได้พัฒนางานที่ทำอย่างเป็นระบบและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
ในการจัดการศึกษาในปัจจุบัน รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนสถานศึกษาให้มีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีมากขึ้น ในการนำคอมพิวเตอร์มาประยุกต์ใช้หากสามารถสนองความต้องการตามกรอบแนวคิดที่ได้นำเสนอไว้ในทุกภาคส่วนของการศึกษาทั้งประเทศ ก็น่าจะเกิดผลดีต่อการพัฒนาระบบการศึกษาไทย และก่อให้เกิดการพัฒนาศักยภาพของนักเรียนอย่างแน่นอน แต่สภาพปัจจุบันปัญหาที่เป็นผลกระทบของกรอบแนวคิดในการพัฒนา ก็คือ การขาดผู้บริหารที่มีวิสัยทัศน์ ทำให้การพัฒนาหยุดชะงัก และทรัพยากรทางการศึกษาไม่ได้นำมาใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่า เมื่อได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลมาแล้ว ก็นำมาเก็บไว้ไม่มีโอกาสที่นักเรียนหรือบุคลากรในหน่วยงานได้ใช้งาน เพราะผู้บริหารขาดแนวทางในการบริหาร และไม่สนใจงานด้านบริหาร จึงทำให้โรงเรียนล้าหลังทางเทคโนโลยี

2. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการจัดทำแผนแม่บทด้านไอซีที (ICT) ฉบับที่ 2 ของรัฐบาลไทย จงสังเคราะห์ความรู้จากแผนแม่บทมาเป็นอรรถาธิบายให้แจ้งชัด

ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับแผนแม่บทด้าน ICT ฉบับที่ 2 (พ.ศ. 2552 – 2556) ของรัฐบาลไทย เพราะจากการวิเคราะห์แผนแม่บทฉบับนี้ พบว่าแผนแม่บทด้านไอซีที (ICT) ฉบับที่ 2 ของรัฐบาลไทยนั้นมีวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย และยุทธศาสตร์ เพื่อนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติอย่างมีประสิทธิภาพ และมีกรอบทิศทางการดำเนินงาน เพื่อรองรับกระแสการเปลี่ยนแปลงของโลก ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคมและเทคโนโลยี ที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยมุ่งเน้นการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนชาวไทยสู่สังคมแห่งภูมิปัญญาและการเรียนรู้ ลดช่องว่างในการเข้าถึงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เพื่อให้เศรษฐกิจมีการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งเพิ่มศักยภาพการแข่งขันในเวทีโลก
ข้าพเจ้าเห็นด้วยอย่างยิ่ง เพราะปัจจุบันคนไทยยังไม่มีความรู้ในด้านนี้เท่าที่ควร เหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะขาดการสนับสนุน ขาดงบประมาณ ทำให้บุคลากรในองค์กรต่างๆ ไม่ได้รับการพัฒนา โดยเฉพาะองค์กรทางการศึกษา จึงทำให้ประเทศเติบโตช้า หากรัฐบาลได้ช่วยส่งเสริมให้มีการพัฒนากำลังคนให้มีศักยภาพได้ ในทุกๆ สาขาอาชีพก็จะทำให้สามารถพัฒนาได้ดี
การพัฒนาโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารความเร็วสูง การพัฒนาระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาลโดยมีกลไกกฎระเบียบ โครงการการบริหารและการกำกับดูแล ที่เอื้อต่อการพัฒนาอย่างบูรณาการการยกระดับความพร้อมด้าน ICT ของประเทศให้สูงขึ้นในระดับโลก การผลักดันอุตสาหกรรม ICT ให้มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม ต่อ GDP ไม่น้อยกว่า 20 % และการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนอย่างน้อย 50 % สามารถเข้าถึงและใช้ ICT ได้
การพัฒนาโครงข่ายสารสนเทศและการสื่อสารความเร็วสูงนั้น เป็นโครงการที่ดีและเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้ โดยเฉพาะในสถานศึกษา เพราะมีบุคคลที่ให้ความสนใจในการศึกษาค้นคว้า และมีผู้มาใช้บริการมาก นับเป็นการบริการที่ดี รวดเร็ว ในการพัฒนาระบบบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่มีธรรมาภิบาลโดยมีกลไกกฎระเบียบ ก็ทำให้การใช้คอมพิวเตอร์มีขอบเขตของการใช้ ใช้อย่างมีคุณธรรม ไม่ล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่นเพราะมีกฎหมายรองรับ ทำให้มีการสอดรับกันได้ดี ดังนั้นหากมีการผลักดันอุตสาหกรรม ICT ให้มีสัดส่วนมูลค่าเพิ่ม ต่อ GDP ไม่น้อยกว่า 20 % และการส่งเสริมสนับสนุนให้ประชาชนอย่างน้อย 50 % สามารถเข้าถึงและใช้ ICT ได้ก็จะทำให้ไม่มีปัญหาความล้าหลัง และบุคลากรสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความพร้อมที่จะใช้ ICT ในการปฏิบัติงานเพื่อยกระดับสู่สากลมากขึ้น
นอกจากนี้รัฐยังมีโครงการที่สำคัญ ได้แก่ การกำหนดกรอบนโยบาย ICT 2020 ( พ.ศ. 2554-2563) การจัดตั้งวิทยาลัย ICT การพัฒนากฎหมายด้าน ICT พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ ซึ่งมีรายละเอียด ดังนี้
1. การกำหนดกรอบนโยบาย ICT 2020 ( พ.ศ. 2554-2563) รัฐได้ดำเนินการจัดทำแนวคิด สำหรับจัดทำกรอบนโยบายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ระยะ พ.ศ. 2554-2563 ของประเทศไทย (IT 2020) ขึ้น เพื่อใช้เป็นกรอบนโยบายฯ ในการพัฒนาเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศไทย ในระยะเวลา 10 ปี ข้างหน้า
2. การจัดตั้งวิทยาลัย ICT เพื่อให้การพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ในระดับภาพรวมของประเทศ มีทิศทางที่แน่ชัด มีการบูรณาการร่วมกันหลายหน่วยงาน และให้บุคลากรที่ได้รับการฝึกอบรมมีประสิทธิภาพมากขึ้น และมีจำนวนมากขึ้น ให้เพียงพอในการเข้าสู่ธุรกิจด้านไอที ดังนั้น จึงเห็นควรจัดทำโครงการพัฒนาบุคลากรด้านICT ของประเทศขึ้น เพื่อเป็นการศึกษารูปแบบแนวทางการพัฒนาบุคลากรด้าน ICT ในระดับประเทศ
3. การพัฒนากฎหมายด้าน ICT กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร ได้ศึกษาและจัดทำข้อเสนอแนะเกี่ยวกับกฎหมาย เพื่อใช้ในการกำกับควบคุมการเผยแพร่สิ่งที่ไม่เหมาะสม เป็นภัยบนอินเทอร์เน็ตมีเนื้อหาที่ครอบคลุมเกี่ยวกับความมั่นคงปลอดภัยของสังคม โดยไม่ขัดต่อความสงบเรียบร้อยและศีลธรรมอันดีงาม และเพื่อศึกษาวิเคราะห์เทียบเคียงกฎหมายของประเทศที่พัฒนาแล้ว มีแนวทางการกำหนดมาตรการทางกฎหมายในการป้องกันปัญหาการเผยแพร่ สิ่งที่ไม่เหมาะสมอันเป็นภัยที่เกิดจากการใช้อินเทอร์เน็ต เพื่อผลักดันให้มีการยกร่างกฎหมายที่มีเนื้อหาใช้บังคับเป็นกฎหมายต่อไป ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการ และได้มีกฎหมายที่ได้ประกาศใช้ไปแล้ว จำนวน 4 ฉบับ ดังนี้

3.1 พระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550
3.2 พระราชกฤษฎีกากำหนดประเภทธุรกรรมในทางแพ่งและพาณิชย์ที่ยกเว้น มิให้นำพระราชบัญญัติว่าด้วยธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์มาใช้บังคับ พ.ศ. 2549
3.3 พระราชกฤษฎีกากำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการในการทำธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ภาครัฐ พ.ศ. 2549
3.4 พระราชบัญญัติสถิติ พ.ศ. 2550
4. พ.ร.บ. องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่
พระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2543 เป็นกฎหมายที่ตราขึ้นตามบทบัญญัติในมาตรา 40 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2540 โดยได้แยกการกำกับดูแลการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และการกำกับดูแลการประกอบกิจการโทรคมนาคมออกจากกัน คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์แห่งชาติ และคณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ยังคงบัญญัติหลักการเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ไว้ในมาตรา 47 แต่ได้บัญญัติให้เป็นองค์กรอิสระองค์กรหนึ่ง ทำให้ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในประเด็นสำคัญ ได้แก่
1. การรวมองค์กรกำกับดูแลให้เป็นองค์กรเดียว คือ คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสช.)
2. หลักเกณฑ์การสรรหา และกระบวนการคัดเลือก กสท.
3. การกำหนดให้คณะรัฐมนตรีเป็นองค์กรที่ทำหน้าที่คัดเลือก กสท. ในชั้นสุดท้าย
4. การกำหนดให้ผู้ทรงคุณวุฒิที่มิได้ผ่านกระบวนการสรรหาเป็นกรรมการเฉพาะด้าน
5. การกำหนดให้องค์กรกำกับดูแลต้องดำเนินการให้สอดคล้องกับนโยบายที่คณะรัฐมนตรีแถลงไว้ต่อสภา
6. สัดส่วนคลื่นที่ต้องจัดให้ภาคประชาชนได้ใช้ ซึ่งเดิมกำหนดไว้ไม่น้อยกว่า ร้อยละ 20
7. การคุ้มครองผู้บริโภค
8. กองทุนวิจัยและพัฒนากิจการ เพื่อประโยชน์สาธารณะ
9. ติดตามตรวจสอบ และการประเมินผล
ข้าพเจ้าเห็นด้วยที่มีการปรับปรุงกฎหมายในประเด็นสำคัญ ทั้งนี้เพราะจะได้เป็นการกำหนดขอบเขตของการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร และความคิดเห็นส่วนตัวของผู้จัด เพราะปัจจุบันจะเห็นว่ามีการนำเสนอข่าวสารที่บิดเบือน ทำให้เกิดความไม่สมานฉันท์ ดังนั้นกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 ที่ยังคงบัญญัติหลักการเกี่ยวกับการจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม ไว้ในมาตรา 47 แต่ได้บัญญัติให้เป็นองค์กรอิสระองค์กรหนึ่ง จึงต้องมีการปรับปรุงกฎหมายในประเด็นสำคัญเพื่อป้องกันการนำเสนอที่ไม่สร้างสรรค์ และอาจเกิดผลเสียหายแก่ความมั่นคงภายในประเทศ

3. ท่านเห็นด้วยหรือไม่กับการใช้กระบวนการทางกฎหมาย (กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550) เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมในสังคมจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด จงอภิปรายถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องให้เห็นเป็นรูปธรรม
ข้าพเจ้าเห็นด้วยกับการใช้กระบวนการทางกฎหมาย (กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550) เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมในสังคม จากการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อินเทอร์เน็ต เป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด เพราะเราจะพบว่า ในปัจจุบันการติดต่อสื่อสารผ่านระบบคอมพิวเตอร์ ได้เข้ามามีบทบาทในวิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย ทำให้เกิดผลกระทบต่อระบบเศรษฐกิจคุณภาพชีวิต และที่สำคัญก่อให้เกิดปัญหาความมั่นคงในประเทศ ซึ่งการกระทำความผิดเกี่ยวกับการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ได้แก่
1. การนำเข้าและเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่เหมาะสมเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งคนอื่นสามารถเข้าไปดูได้ เช่น ข้อมูลลามกอนาจาร ข้อมูลความผิดเกี่ยวกับการก่อการร้าย ข้อมูลเท็จที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของประเทศทำให้ผู้อื่นเกิดความเสียหาย
2. การนำภาพตัดต่อ ดัดแปลง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์โดยมีเจตนาทำให้ผู้อื่นเสียชื่อเสียง ได้รับความอับอาย
3. การแฮกระบบคอมพิวเตอร์ที่มีการป้องกัน เช่น ปลอมแปลง Password เพื่อเข้าใช้งานระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
4. เข้าไปดูหรือขโมยข้อมูลคอมพิวเตอร์ ของผู้อื่นโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต
5. ทำการปลอมแปลง ทำลาย หรือแก้ไขข้อมูลคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นโดยที่เจ้าของไม่อนุญาต
6. ขัดขวางหรือรบกวนการทำงานของระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่น ทำให้ไม่สามารถทำงานได้ตามปกติ
7. แอบดักรับข้อมูลของผู้อื่น ระหว่างการส่งข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
8. ส่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ หรืออีเมลล์ที่ปลอมแปลงแหล่งที่มา ทำให้รบกวนการใช้คอมพิวเตอร์ของผู้อื่น
9. นำมาตรการการป้องกันระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นไปเผยแพร่ทำให้เกิดความเสียหาย
10. จำหน่ายหรือเผยแพร่โปรแกรมสำหรับใช้กระทำความผิด
การใช้กระบวนการทางกฎหมาย (กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550) เพื่อแก้ปัญหาอาชญากรรมในสังคมจากการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิด ดังที่กล่าวไว้ข้างต้น มีดังนี้
1. ความผิดสำหรับแฮคเกอร์ มีอัตราการลงโทษ ในแต่ละประเภทของความผิด คือ
1.1 เข้าเว็บสาธารณะย่อมไม่มีความผิด แต่ผู้ที่เจาะระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นที่สร้างระบบป้องกันไว้ มีโทษจำคุกไม่เกิน 6 เดือน ปรับไม่เกิน 10,000 บาท แต่ถ้าเจาะเข้าไปถึงข้อมูลที่เก็บรักษาไว้ด้วย โทษจะเพิ่มเป็น 2 เท่า
1.2 ผู้ที่เผยรหัส (password) ที่ตัวเองรู้มา สำหรับเพื่อใช้เข้าระบบคอมพิวเตอร์ มีโทษจำคุก 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท
1.3 ผู้ที่ดักจับข้อมูลที่เป็นส่วนตัว ซึ่งส่งถึงกันทางอินเทอเน็ต ทาง e-mail มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท
2. ความผิดสำหรับผู้ปล่อยไวรัส
2.1 ผู้ที่ทำลายข้อมูลหรือไปเปลี่ยนข้อมูลของผู้อื่นไม่ว่าด้วยวิธีการใด จะใช้ไวรัสหรือแอบเข้าไปทำลาย มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 10,000 บาท
2.2 การทำลายข้อมูลผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหายแก่ประชาชน ประเภทคอมพิวเตอร์ควบคุมจราจร โทษสูงขึ้นเป็นจำคุก 10 ปี ปรับ 200,000 บาท ถ้ากระทบถึงความมั่นคงประเทศ โทษจะสูงขึ้นเป็นจำคุก 3 – 15 ปี ถ้าจนเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจะหนักถึงจำคุก 10 – 20 ปี
3. ความผิดของผู้ที่ก่อกวนหรือแกล้งผู้อื่น
3.1 ผู้ที่ส่งเมล์ก่อกวนหรือโฆษณาขายสินค้าหรือขายบริการ ประเภทไปโผล่ pop up หรือผู้ที่ส่งเมล์ขยะโดยที่ผู้รับไม่ต้องการ มีโทษปรับอย่างเดียว ไม่เกิน 100,000 บาท โทษฐานก่อความรำคาญ
3.2 ผู้ที่ส่งเมล์เป็นข้อมูลปลอม ข้อมูลเท็จ ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น เป็นข่าวลือ ปล่อยข่าวให้เกิดความวุ่นวาย รวมถึงส่งภาพลามกอนาจารทั้งหลาย รวมถึงผู้ที่ได้รับแล้วส่งต่อด้วย มีโทษเท่ากันคือ จำคุกไมเกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท
3.3 ผู้ที่ตัดต่อภาพของผู้อื่น แล้วนำเข้าเผยแพร่ทางอินเทอร์เน็ต ทำให้เจ้าของภาพเสียหาย อับอาย ต้องโทษจำคุกไม่กิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 600,000 บาท
4. ความผิดของผู้ให้บริการ
ผู้ใช้บริการ สำหรับให้ตรวจสอบได้ มิฉะนั้นผู้ให้บริการจะต้องรับโทษปรับไม่เกิน 500,000 บาท ถ้ามีเหตุอันควรเชื่อถือได้ว่ามีการกระทำความผิด เจ้าหน้าที่นั้นสามารถใช้อำนาจเจาะเข้าไปในระบบคอมพิวเตอร์ของผู้อื่นตามกฎหมายฉบับนี้ได้ แต่จะต้องขออนุญาตต่อศาลเสียก่อน หากเจ้าหน้าที่เปิดเผยข้อมูลที่ใช้อำนาจหน้าที่ไปเจาะข้อมูลมา โดยไม่มีอำนาจ เจ้าหน้าที่ก็จะมีความผิดไปด้วย โดยต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ปรับไม่เกิน 60,000 บาท และแม้ไม่ได้ตั้งใจจะเปิดเผย แต่ด้วยความประมาท ทำให้ข้อมูลหลุดเข้าสู่ระบบ อินเทอร์เน็ต ก็จะต้องรับโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท

ดังนั้น จะเห็นว่าการใช้กระบวนการทางกฎหมาย (กฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550) นับว่าช่วยแก้ปัญหาอาชญากรรมในสังคม จากการใช้คอมพิวเตอร์หรือเครือข่าย อินเทอร์เน็ตเป็นเครื่องมือในการกระทำความผิดได้มาก เพราะหากไม่มีกฎหมายบทนี้รองรับ สังคมไทยจะต้องปั่นป่วนวุ่นวายมากขึ้นตามลำดับ เพราะปัจจุบันเทคโนโลยีมีความก้าวหน้า เด็กและเยาวชนต่างถูกมอมเมาด้วยสื่อทางอินเทอร์เน็ต จนเห็นผิดเป็นชอบมีมากมาย เช่น ปัญหาการล่วงละเมิดสิทธิของผู้อื่น เป็นการนำภาพหรือ คริปที่ไม่เหมาะสม เช่น การทะเลาะวิวาท การร่วมเพศ การแอบถ่ายผู้หญิงเข้าห้องน้ำ หรือแอบถ่ายใต้กระโปรง การติดต่อสื่อสารผ่านทางการแชทกันระหว่างชายหญิง การเผยแพร่คริปของดารา การตัดต่อรูปภาพซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายต่อบุคคล และที่สำคัญยิ่งไปกว่าก็คือ การเผยแพร่เว็บที่หมิ่นสถาบัน ข้าพเจ้าจึงเห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีกฎหมายว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ. 2550 ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ช่วยคุ้มครองคนไทย คุ้มกันสถาบันอันเป็นที่รักของคนไทยทุกคน

โดย...จันทรา เรือนทองดี

นักศึกษา ป. บัณฑิต สาขาบริหารการศึกษา รุ่นที่ 8

เลขที่ 38

เพลงซึ้งติดตรึงใจ

รักยุคHi-Tech
Sweetนุช
ต้นฉบับเสียงหวาน (The Original Sweet Voice)
-------------------------------------------------
บนโลกHi-Tech ทุกอย่างเล็กลง
แต่รักฉันคง ยิ่งใหญ่เหมือนเดิม
อยากมีHard DiskลงProgramเสริม เพิ่มRam
พร้อมแจ่ม ด้วยภาพของเธอที่Desktop
โลกDigital เรางอนง้อกัน
ทำCardแล้วส่งE mailให้เธอ
CPUรู้ Love Youเสมอ อย่าเผลอ
DeleteรักเราลงRecycle Bin
ส่งSMS พิมพ์คำข้อความ แนบคำนิยามที่สุดซึ้ง
เปิดWin Ampไว้ ด้วยเพลงคิดถึง
อยากให้เธอซึ้ง...กับความคิดถึง...ที่ฉันให้เธอ
เพลงที่ฉันโปรด Downloadให้เธอ
ได้รับไหมเอ่ย ตอบด้วยขวัญใจ
อย่าด่วนใจร้อนShut Downไปไหน ปล่อยใจ
ให้ฉันลอยไปตามสาย....Cable
โปรดจงช่วย save รักเราเก็บไว้ เผื่อใจฉันของฉันจะได้ไม่ต้อง error

วันเสาร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2552

ภูมิปัญญาไทย

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

การจัดการนวัตกรรมและสารสนเทศ

งานวัด

เทศน์มหาชาติ

เทศน์มหาชาติ

มหาเวสสันดร

มหาเวสสันดร

มหาเวสสันดร

มหาเวสสันดร

เทศน์มหาชาติ มหาเวสสันดร

เทศน์มหาชาติทรงเครื่อง

เทศมหาชาติทรงเครื่อง

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก

เวสสันดรชาดก

เพลงซึ้งติดตรึงใจ

ภาพของฉัน-จันทรา

ภาพของฉัน-จันทรา

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก

เกี่ยวกับฉัน